12/07/2554

สุขภาพดี


เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวสมัยใหม่หันมาใส่ใจกับเทศกาลกินเจ แน่นอนว่านอกจากจะได้ชำระล้างจิตใจ อิ่มบุญอิ่มกุศลที่ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์แล้ว ก็ยังถือเป็นทางออกของคนรักสุขภาพด้วย เมื่อคนหันมาตื่นตัวกับกระแสการกินเจ ก็ทำให้ร้านอาหารเจพลอยคึกคักตามไปด้วย สารพัดอาหารเจปรุงสำเร็จก็มีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบโปรตีนจากถั่วเหลืองแปรรูป แม้สะดวกสบายแต่หลายคนก็มองว่าการนำโปรตีนเกษตรมาแปรรูปเป็นเนื้อสัตว์นั้นดูจะไม่เหมาะสม เพราะไม่ช่วยลดละกิเลสในการอยากทานเนื้อสัตว์ ขณะที่ผู้ผลิตก็แย้งว่า เป็นเพียง "ทางเลือก" ให้ผู้บริโภคที่เพิ่งหันมาทดลองทานเจตามเทศกาล นานๆ ทานที ก็ว่ากันไป เมื่อต้องถือศีลกินเจ ผลที่ตามมาส่วนใหญ่คือร่างกายขาดสารอาหาร ซึ่งไม่ได้แปลว่าเป็นโรคขาดอาหาร แต่สารอาหาร 5 หมู่ที่เคยได้รับเป็นประจำทุกวันทุกวันก็จะลดน้อยตามไปด้วย ซึ่งก็อาจจะมีผลต่อการเจริญเติบโต หรือการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ในบางท่านที่ร่างกายอ่อนแอเพราะขาดสารอาหารเป็นทุนอยู่แล้ว การปฏิบัติตนในช่วงเทศกาลกินเจก็อาจส่งผลให้อ่อนเพลียง่ายตามมาด้วย แล้วเราควรจะกินอะำไร และกินอย่างไร ให้ร่างกายสดชื่นแจ่มใส ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์อย่างเพียงพอในช่วงกินเจ 1. ปรุงเอง ทานเอง เพราะเราไม่รู้ว่าอาหารเจสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาดหรือแม้แต่ยามที่สั่งทานจากร้านอาหารเจนั้นจะมั่นใจในคุณภาพวัตถุดิบ สารอาหาร และความสะอาดได้แค่ไหน การปรุงเองนอกจากจะเลือกสรรวัตถุดิบได้อย่างที่ร่างกายต้องการและได้ืทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ แล้ว ยังปลอดภัยจากสารปนเปื้อนที่เราอาจไม่รู้ตัวขณะตักเข้าปากจากการทานอาหารเจสำเร็จรูปด้วย 2. ผัก-ผลไม้ ยิ่งสดใหม่ ยิ่งดีกับร่างกายคุณ ต้มจับฉ่ายหลายหม้ออาจเป็นหนึ่งในเมนูดั้งเดิมตามธรรมเนียมการกินเจ ยิ่งอุ่นบ่อย ...
READ MORE

11/29/2554

การดูแลผิวหน้าหนาว

การดูแลผิวหน้าหนาว (ดาราเดลี่)

          ลมหนาวแรกกําลังพัดมาให้เย็นชื่นใจ แสนสบายตัว แต่อย่ามัวปล่อยตัวไปกับอากาศเย็น ๆ เพราะผิวพรรณที่เคยดูแลมาตลอดอาจเสียไปง่าย ๆ โดยเฉพาะกับแสงแดดตัวร้ายที่ยังแฝงตัวอยู่กับลมหนาวตลอดเวลา งานนี้ "นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี" แพทย์ประจําโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้คําแนะนําเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดดในหน้าหนาวให้สาว ๆ ได้อวดผิวสวยตลอด

          "การดูแลผิวหน้าหนาวนี้ นอกจากการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นแล้ว จะต้องไม่ละเลยการปกป้องผิวจากแสงแดดเช่นเดิม ข้อเท็จจริงแล้วแสงแดดนั้นให้ทั้งคุณและโทษ ข้อดีคือ ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ช่วยในการมองเห็น ช่วยในการสังเคราะห์วิตามินดี แต่ควรเป็นเป็นแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้า หากถูกแดดจัดหรือผิว สะสมแดดเป็นเวลานานโดยขาดการป้องกัน ก็จะให้ข้อเสียคือ ผิวไหม้ แดง เกิดกระ ฝ้า ริ้วรอย แก่ก่อนวัย หรือร้ายแรงถึงขั้นเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง"

          การป้องกันผิวจากแสงแดดง่าย ๆ คือการใช้ผลิต ภัณฑ์กันแดดที่ปกป้องทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบี, ดูค่า SPF (Sun Protection Factor) หรือค่าที่บ่งบอกการป้องกันแดดได้ จํานวนกี่เท่าของผิวปกติ ควรเลือกที่สูงพอเหมาะกับการใช้ชีวิตและกิจกรรม เช่น ทํางานออฟฟิศ ไม่ค่อยถูกแดด เลือกประมาณ SPF 15-20

          ส่วนนักกีฬาที่เล่นกลางแจ้ง เลือกประ มาณ SPF 30-50 นอกจากนี้ยังควรมีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันเหงื่อ หรือปราศจากน้ำหอมสําหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ภายในผลิตภัณฑ์กัน แดดมักมีส่วนประกอบพวกสารอินทรีย์ เช่น ซิงค์ หากมีมากเกินไปก็จะทําให้ใบหน้าขาววอก และสารอนินทรีย์ เช่น น้ำมัน ซึ่งจะเคลือบอยู่บนผิว มันมากเกินไปก็อาจทําให้เกิดผื่นแพ้ เสี่ยงต่อการเกิดสิว

          แต่สมัยนี้มีหลายเนื้อให้เลือกทั้งแบบครีม แบบโลชั่น หรือแบบฟลูอิด ซึ่งมีน้ำมันน้อยกว่า มีความบางเบากว่า ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ นอกจากนี้ บางตัวยังมีผสมพวกวิตามินอี โปรวิตามิน บี 5 อโลเวรา ที่ช่วยบํารุงผิวพร้อมปกป้องรังสียูวีไปในตัว เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมากกว่าการป้องกันแสงแดด จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เป็นนิสัย และหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงแดดจัด และปกป้องด้วยวิธีอื่นช่วย เช่น สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด, กางร่ม, ใส่หมวก, ใส่แว่นตากันแดด เป็นต้น

การดูแลผิวหน้า

การดูแลผิวหน้าในแต่ละวัย ย่อมแตกต่างกันตามสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังเป็นสาวหน้าใส ผิวพรรณ เต่งตึง การทาแค่ครีมกันแดด และล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์สูตรอ่อนโยนก็อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อวัยมากขึ้นรอยตีนกาเริ่มมาเยือน ผิวหน้าที่เคยเนียนใส กลับดูแห้งหรือหยาบมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวอาจจะดูยุ่งยาก และต้องใส่ใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาของผิวจะเริ่มปรากฎมากขึ้นนั่นเอง
วัย15-20 ปี
การดูแล : วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กันเสมอ สิวในช่วงนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และมีตัวก่อกวนอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น การแคะ แกะ หรือบีบสิว รวมทั้งความเครียดและอดนอนจริง ๆ แล้ว สิวที่เกิดขึ้นมักหายไปเองตามธรรมชาติ ถ้าเราไม่ไปกดสิว ปัญหารอยดำ และการอักเสบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่หาย ก็ปรึกษาคุณหมอเถอะค่ะ การดูแลผิวในวัยสาวน้อย ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้งก็พอ และหลีกเลี่ยงเคลนเซอร์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะค่อนข้างแรงกับผิวอาจทำให้ผิวใส ๆ ดูกร้านก่อนวัยได้

วัย 20 ปีขึ้นไป
การดูแล : ปัญหาเรื่องสิว จะลดน้อยลง ยกเว้นในคนที่ผิวมัน ที่อาจมีเม็ดสิวเป้ง ๆ ให้รำคาญใจได้ หรือคนที่มีฮอร์โมนเพศสูง ก็อาจมีสิวโผล่อยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ ในช่วงสาววัย 16 ได้ดี บางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับสาววัยนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากผิวหน้าที่เคยอ่อนใส อาจดูหมองคล้ำ หรือแห้งกร้านได้ตามวัยที่มากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตาย และเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้นและไม่ลืมทาครีมป้องกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดด จะทำให้ริ้วรอยมาเยือนผิวได้เร็วขึ้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้การใช้ AHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน และหากเลี่ยงแดดแรง ๆ ได้ก็ควรทำค่ะ หรือจะเลือกการขัดผิวด้วยครีมขัดผิว ซึ่งผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางก็สะดวกดีค่ะ วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง ควรทำหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว แต้มเจลหรือครีมขัดผิว ลงบนผิวหน้า 5 จุดคือ บริเวณ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้างจมูก และคาง เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งมีแรงกด ค่อนข้างเบา นวดเป็นวงกลมไปในทิศเดียวกัน จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอก ทำให้ผิวหน้านวลผ่อง สดใสขึ้น ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ หลังจาก ขัดผิวแล้วอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งการขัดผิวจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมสู่ผิวได้ล้ำลึกขึ้น

วัย 30 ปีขึ้นไป
การดูแล : ผิวหน้าของสาววัยนี้ จะมีปัญหาของริ้วรอยใต้ตา โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม รอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก จะเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง สดใสก่อนหน้านี้ ก็จะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าจะดูหยาบกร้านขึ้น รูขุมขนโตขึ้น การดูแลผิวจึงต้องครบเครื่องมากขึ้น ทั้งการขัดผิว และมาสค์หน้า จะช่วยขจัดการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขนส่วนลึกได้ดี ทำให้หน้าสะอาด กระชับและสดใสขึ้น และสำหรับผิวหน้าที่ เริ่มมีริ้วรอยควรเลือกมาส์ค ที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลังการพอกหน้าและล้างสะอาดแล้ว จะทำให้หน้าผ่อง เนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการเลือกครีมบำรุงผิวของสาววัยนี้ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าจะเริ่มแห้งมากขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวหน้าตามธรรมชาติ ผลิตน้อยลง และควรเลือกชนิดเนื้อเบา เพื่อไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขน

นอกจากนี้ การใช้อายเจลหรืออายครีม ก็จะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตา ชุ่มชื้นและสดใสขึ้น ส่วนครีมกันแดด ก็จำเป็นต้องใช้เป็นประจำทุกวัน

มาสก์พอกหน้าแบบประหยัดมาสค์พอกหน้าจากโยเกิร์ตล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใส

มาสค์พอกหน้าจากมะละกอนำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอจะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ผิวหน้า สดใส เปล่งปลั่ง

ที่มา : หนังสือสยามดารา